ประวัติเหล่ากาชาดจังหวัด
ประวัติเหล่ากาชาดจังหวัด
เมื่อมีการจัดตั้งสภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยามขึ้น โดยพระบรมราชานุญาตพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง และมีการประชุมกรรมการการิณีสภาขึ้นในครั้งแรกเมื่อ 20 พฤษภาคม ร.ศ.112 (พ.ศ.2436) คณะกรรมการสมัยนั้นได้เล็งเห็นความสำคัญของการให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ด้วยดังสำเนาจดหมายเหตุประชุมกรรการิณีสภาบันทึกการประชุมตอนหนึ่งว่า
“...จะได้เลือกหาผู้รับธุระแทนสภาตั้งไว้ในมณฑลและหัวเมืองต่าง ๆ ที่พลทหารตั้งรักษาพระราชอาณาเขตต์อยู่นั้น มีเจ้าหน้าที่ออกเรี่ยไรในแขวงนั้นและเป็นธุระรับส่งยาและเครื่องพยาบาลตรวจดูแลการพยาบาลตามแต่สภาจะต้องการนั้นด้วยมีเมืองนครจำปาศักดิ์ เป็นต้น” จะเป็นได้ว่าสภาอุณาโลมแดงได้พยายาม ดำเนินการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ที่ตั้งไว้คือ การรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วย ผู้ประสบสาธารณภัยและพิบัติต่างๆ โดยไม่เลือกเชื้อชาติ ชั้น วรรณะ ภาษา ลัทธิ ศาสนา และอุดมการณ์ทางการเมืองการดำเนินการในระยะแรก มีเฉพาะในหัวเมืองใหญ่ ๆ มีการับสมัครสมาชิกสภากาชาดเท่าที่หลักฐานปรากฏมีมาตั้งแต่ พ.ศ.2561 และได้ดำเนินการตลาดมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บเงิน บำรุงไว้ใช้จ่ายในกิจกรรมของสภากาชาดตามเขตหัวเมืองจนกระทั่งปี พ.ศ. 2480 สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สภานายกาสภากาชาดสยามในสมัยนั้น ทรงพระดำริว่า บันนี้เป็น การสมควรที่จะเปิดโอกาส ให้ท้องที่ต่าง ๆ มีส่วนได้ดำริดำเนินการ กาชาดเองด้วย เพื่อให้เหมาะสมแก่ความต้องการแห่งท้องที่ยิ่งขึ้น และในงานวันกาชาด พ.ศ. 2480 พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า
“....ฉันรู้สึกว่าที่จะให้การกุศลอันนี้เจริญรุ่งเรืองต่อไปภายหน้าโดยสมบูรณ์ ทั่วอาณาเขตต์ จักต้องอาศัยช่วยกันคิดช่วยกันทำและช่วยกันบำรุง ฉันในหน้าที่สภานายิกา โดยให้ความตกลงยินยอมของสภากรรมการ และความส่งเสริมของกระทรวงมหาดไทย จะได้ออกข้อบังคับวางระเบียบจัดการสาขากาชาดตามท้องถิ่นซึ่งเป็นโอกาสให้ฉันได้ ชักชวน ผู้ใจบุญร่วมมือกันช่วยดำเนินการให้ได้ผลมากที่สุดได้และเหมาะสมตามความต้องการของท้องถิ่นด้วย” จากพระราชดำริของสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสา อัยยิกาเจ้า เป็นการกระตุ้นเตือนให้คณะกรรมการและกระทรวงมหาดไทย มีบทบาทในการสนับสนุนส่งเสริมกิจการของเหล่ากาชาดจังหวัดมากยิ่งขึ้น ดังข้อความตอนหนึ่งที่ พระยาพณิชศาสตรวิธาน หัวหน้ากองกลาง(สำนักงานกลางในปัจจุบัน) เสนอมหาอำมาตย์เอกเจ้าพระยาพิชัยญาติอุปนายกผู้อำนวยการสภากาชาดสยามในสมัยนั้นว่า
“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สนับสนุนกระตุ้นเตือนจังหวัดต่างๆ ให้หันมามองกาชาดบ้างแล้ว เชื่อกันว่าการกาชาดจะก้าวหน้าไปอีกไกล อย่างน้อยเวลาประชุมข้าหลวงประจำจังหวัด มีกล่าวขวัญถึงการกาชาดบ้างก็จะได้ผลไม่น้อย” ต่อมา วันที่ 31 สิงหาคม 2485 พลโทมังกร พรหมโยธี (ยศในสมัยนั้น) อุปนายกผู้อำนวยการสภากาชาดและเป็นรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทยอยู่ด้วย มีข้อดำริที่จะเร่งรัดให้มีการจัดตั้งเหล่ากาชาดจังหวัด ขณะนั้นเรียกว่า องค์กรเหล่ากาชาดจังหวัด จึงได้สั่งการในนามของรัฐมนตรีว่า การกระทรวงมหาดไทย ให้จังหวัดที่มีสมาชิกสามัญสภากาชาดไทยตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป หรือจังหวัดที่มีสถานีกาชาดและ/หรือจังหวัดที่มีกองอาสา กาชาดจังหวัดให้จัดตั้งเหล่ากาชาดจังหวัดขึ้น แต่ยังคงไม่มีจัดตั้งจนกระทั่งในปี พ.ศ.2503 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์พระบรมราชินีนาถ
สภานายิกาสภากาชาดไทยทรงเห็นว่าการจัดตั้งเหล่ากาชาดตั้งแต่อดีตมายังมิได้ริเริ่มทำกันอย่างจริงจัง จึงมีพระราชดำริที่จะให้มีการจัดตั้งเหล่ากาชาดจังหวัดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เจ้าพระยาศรีธรรมมาธิเบศอุปนายกผู้อำนวยการสภากาชาดไทยจึงได้มีหนังสือถึงพลเอกประภาส จารุเสถียร รัฐมนตรีว่าการว่าการกระทรวงมหาดไทยสมัยนั้นมีข้อความตอนหนึ่งว่า บันนี้ สภากาชาดไทย ดำริเห็นสมควรที่จะริเริ่มให้ตั้งเหล่ากาชาดจังหวัดขึ้นแต่เรื่องนี้จะเป็นผลสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยความเมตตากรุณาของผู้มีใจบุญทั้งหลาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ส่วนภูมิภาคด้วย” ด้วยอำนาจพระบารมีของสมเด็จองค์สภานายิกาสภากาชาดไทยและรัฐบาลได้เล็งเห็นการปฏิบัติงานของสภากาชาดอย่างต่อเนื่อง สภากาชาดไทยในการจัดตั้งเหล่ากาชาดจังหวัดอย่างเป็นทางการทั่วทุกจังหวัด ในขณะนั้นรวม 69 จังหวัด เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2504 ด้วยเหตุนี้ สภากาชาดไทยจึงกำหนดให้ วันที่ 27 มกราคม ของทุกปีเป็นวันก่อกำเนิดเหล่ากาชาดจังหวัดทั่วประเทศและปัจจุบันมีเหล่ากาชาดจังหวัดทั่วประเทศจำนวน 75 จังหวัด และได้จัดตั้ง กิ่งกาชาดอำเภอขึ้นเพื่อเป็นกำลังช่วยเหลือเหล่ากาชาดจังหวัดตามที่เหล่ากาชาดจังหวัดเสนอขอจัดตั้งมา จำนวน 222 กิ่งกาชาด (มี.ค. 2550)
เหล่าการชาดจังหวัดดำเนินการ โดยสมาชิกสภากาชาดไทยและดำเนินการสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของภากาชาดไทย ดังพระราชดำรัส สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ตอนหนึ่งว่า
“.....สภากาชาดไทย มีอุดมคติในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้พ้นจากทุกข์ภัยและเป็นที่พึ่งของบุคคลผู้ยากไร้ เหล่ากาชาดถือเป็นตัวแทนของสภากาชาดไทย ในการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยในขั้นต้น...”
การดำเนินการของเหล่ากาชาดจังหวัดต้องอาศัยทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ของสมาชิก หรืออาจเป็นทางใดทางหนึ่งตามกำลังศรัทธา ซึ่งเป็นการเสียสละร่วมกันทำงาน ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่ง ของสมเด็จองค์อุปนายิกาสภากาชาดไทยว่า
“.....การช่วยด้านกำลังทรัพย์ หรือให้ทุนรอนอันนี้ ก็อยากจะเน้นว่า การที่จะช่วยในด้านทุนรอนนั้น ขอให้เน้นการร่วมใจกันทำ ไม่ใช่ว่าเน้นด้านเงินทุน ทุนรอน แต่เป็นเรื่องการเสียสละ เป็นการร่วมกันระหว่างคนหลายคน....” จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานของเหล่ากาชาดจังหวัดและกิ่งกาชาดอำเภอต้องอาศัยความร่วมมือและความเสียสละของสมาชิกสภากาชาด โดยทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับสภากาชาด โดยทำหน้าที่เป็นผู้ประสานกับสภากาชาดไทย ในการบรรเทาทุกข์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ตกทุกข์ได้ยากทั้งในยามปกติ ยามเกิดภัยพิบัติและภัยสงครามรวมทั้งช่วยสนับสนุนส่งเสริมกิจกรรมต่างของสภากาชาดไทยสม่ำเสมอมาโดยตลอดอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”